เวนคืนที่ดิน 7 จังหวัด
“ระยอง ชลบุรี พิจิตร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา และ สระบุรี”
ตามโครงการของ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เผยสั่งเวนคืน ในกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน
หลังเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ ส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องไม่พอใจในค่าทดแทน
ทั้งโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เลี่ยงเมือง สายชายฝั่งทะเลตะวันออก
ช่วง “ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย”
เพื่อใช้สร้าง และขยายเส้นทางหลวงชนบท รวมถึงการสร้างประตูระบายน้ำ
วันที่ 18 มี.ค. มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า
เมื่อเร็ว ๆ นี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ลงนามในประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 6 ฉบับ
ตามที่กระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอมา
เพื่อกำหนดให้การเวนคืน อสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ต่าง ๆ
เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน
ภายหลังมีการประกาศใช้บังคับ พระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตที่ดิน ในบริเวณที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ 7 จังหวัด
โดยได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาแล้วในวันที่ 18 มี.ค.นี้

ฉบับแรก เป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่
ตำบลมาบยางพร อ.ปลวกแดง จ.ระยอง และตำบลเขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ตามมติครม.เมื่อ 18 ธ.ค.2561 เพื่อสร้าง และขยายทางหลวงชนบท รย. 2015
ของกรมทางหลวงชนบท มูลค่าโครงการ 715,000,000.- บาท
ระยะเวลาก่อสร้างปีพ.ศ. 2562-2564
เพื่ออำนวยความสะดวก และความรวดเร็วในการจราจร
และการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค
ซึ่งหากการเวนคืนเนิ่นช้าไป จะเป็นอุปสรรคอย่างมาก
แก่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยมีผู้ถูกเวนคืน 208 ราย
งบประมาณ 302,835,300 บาท
แต่มีผู้ไม่ตกลงทำสัญญาซื้อขายอสังหาฯ 61 ราย
ซึ่งบางรายไม่พอใจค่าตอบแทน บางรายเจ้าของที่ดินเสียชีวิต รอศาลจัดการมรดก ฯลฯ
ฉบับที่ 2 กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่
ตำบลวังจิก อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน
ตามมติ ครม. 13 ธ.ค.2561 เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน
ในการก่อสร้างประตูระบายน้ำและอาคารประกอบตามโครงการฝายบ้านวังจิก จ.พิจิตร
ของกรมชลประทาน เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน สาหรับพื้นที่การเกษตร
การอุปโภคและการบริโภค ตลอดจนการป้องกัน และบรรเทาการเกิดอุทกภัย
ซึ่งหากการเวนคืนเนิ่นช้าไปจะเป็นอุปสรรคอย่างมาก
แก่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
โดยโครงการทั้งหมด มีที่ดินที่ถูกเขตก่อสร้าง 29 แปลง เนื้อที่ 56 ไร่เศษ
ไม่มีเอกสารสิทธิ 11 แปลง ส่วนเนื้อที่ 16 ไร่เศษมีเอกสารสิทธิ 18 แปลง
“ขณะที่เนื้อที่ 39 ไร่เศษ ได้สำรวจแล้วทั้งหมด ปรากฏว่า
เจ้าของที่ดิน 3 แปลง เนื้อที่ 22 ไร่เศษ ไม่ยอมรับราคาที่คณะกรรมการกำหนดให้
ในราคาไร่ละ 1 แสนบาท เนื่องจากเห็นว่าเป็นราคาที่ต่ำ เรียกร้องในราคาไร่ละ 2 แสนบาท
และไม่ยอมให้เข้าพื้นที่เพื่อการก่อสร้าง จึงเป็นปัญหาในการเวนคืนตามพระราชกฤษฎีกา”

ฉบับที่ 3 กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่
ตำบลบางปู ตำบลบางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ตามมติครม. 18 ธ.ค.2561
เพื่อขยายทางหลวงชนบท สป.1011 ของกรมทางหลวงชนบท
และเพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็วแก่การจราจร
และการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค
ซึ่งหากการเวนคืนเนิ่นช้าไป ก็จะเป็นอุปสรรคอย่างมาก
แก่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
โดยมีผู้ถูกเวนคืน 87 ราย งบประมาณ 195,916,921.40 บาท
แต่มีผู้ไม่ตกลงทำสัญญาซื้อขายอสังหาฯ 29 ราย
ซึ่งบางรายไม่พอใจค่าทดแทน บางรายเจ้าของที่ดินไม่สามารถติตด่อได้
บางรายติดจำนองอยู่กับธนาคาร ฯลฯ
ฉบับที่ 4 กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่
ตำบลท่าไข่ และ ตำบลหน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา
เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ตามมติครม. 18 ธ.ค.2561
เพื่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมือง ที่สถานีชุมทางฉะเชิงเทรา
ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟ
สายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา – คลองสิบเก้า – แก่งคอย
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็ว
แก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค
หากการเวนคืนเนิ่นช้าไปจะเป็นอุปสรรคอย่างมากแก่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
โดยมีผู้ถูกเวนคืน 73 ราย มี 2 รายตกลงไม่ได้
ฉบับที่ 5 กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่
ตำบลไผ่ล้อม ตำบลดอนหญ้านาง และ ตำบลหนองนาใส อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา
เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ตามมติครม. 18 ธ.ค.2561
เพื่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมือง ที่สถานีชุมทางบ้านภาชี
ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก
ช่วงฉะเชิงเทรา – คลองสิบเก้า – แก่งคอย ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่ง
อันเป็นกิจการสาธารณูปโภค หากการเวนคืนเนิ่นช้า
ไปจะเป็นอุปสรรคอย่างมากแก่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
โดยมีผู้ถูกเวนคืน 10 ราย มี 1 รายตกลงไม่ได้
สุดท้ายฉบับที่ 6 กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่
ตำบล ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย และ ตำบล ตลิ่งชัน อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี
เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน ตามมติครม. 18 ธ.ค.2561
เพื่อสร้างทางรถไฟทางคู่เลี่ยงเมืองที่สถานีชุมทางแก่งคอย
ตามโครงการก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก
ช่วงฉะเชิงเทรา – คลองสิบเก้า – แก่งคอย ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและ
การขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค หากการเวนคืนเนิ่นช้าไป
จะเป็นอุปสรรคอย่างมากแก่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
โดยมีผู้ถูกเวนคืน 29 ราย มี 1 รายตกลงไม่ได้
โดยทั้ง หก ฉบับ เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่
มีอานาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น
ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 ได้
ที่มา:-
MGRonline